ขายหมูปิ้งดีอย่างไร (ถึงได้รวย)
แฟรนไชส์ต้นหมูปิ้งนมสด ออกสื่อโทรทัศน์ รายการเศรษฐกิจติดจอ
พูดถึงการลงทุนขายหมูปิ้งนมสดนั้น
เป็นธุรกิจที่ลงทุนน้อยและกำไรดีมากๆ
มากกว่าการค้าขายแบบเฟรนไชส์แบบอื่นอีกค่ะ
เฟรนไชส์ราคาสูงกว่ามากค่ะ หลัก 5-6 หมื่น
หรือแสนกว่าบาทเลยค่ะ
กว่าจะขายได้ทุนคืนก็ใช้เวลานานมาก
หรือเฟรนไชน์บางตัวต้องขายภายในห้างสรรพสินค้าที่มีค่าที่ราคาแพงมากตกเดือนละ
20,000
บาท
สุดท้ายกว่าจะฟื้นตัวได้เล่นเอาสะเหนื่อย
แต่การลงทุนขายหมูปิ้งนมสดรับรองเลยว่า
ถ้าคุณมีทำเลอยู่แล้ว
หรือทำเลที่ดี ภายใน 1 เดือนหรือไม่ถึงเดือน
ก็ได้ทุนคืนแล้วเผลอกำไรมาเป็นหลักหมื่นเลยค่ะ การขายหมูปิ้งนมสด ทำเลที่ตั้งก็สำคัญมากๆที่สุดเลยค่ะ รองลงมาก็
รสชาติของหมูปิ้งนมสดและขนาด
รูปร่างที่น่าทานของหมูต้องเหลืองสวยด้วยค่ะ
หมูปิ้งนมสดเป็นของกินที่ทานได้ง่ายเป็นอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนของเด็กๆได้ดี
ผู้ปกครองก็สะดวกโดยที่ไม่ต้องรีบเร่งในการหากับข้าวตอนเช้าให้วุ่นวายเพียงซื้อข้าวเหนียว
1 ห่อ หมู 2 ไม้ ก็ทานได้ง่ายๆและอิ่มอร่อยแล้วค่ะ
ถ้าคุณมัวลังเลไม่กล้าที่จะทำโอกาสดีๆก็จะหลุดลอยไปได้ง่ายๆ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ค่ะ เมื่อก่อนตัวดิฉันเอง ทำซูชิทุกหน้า 5 บาท
ลงทุนเยอะมากๆๆ อุปกรณ์ต่างๆ ข้าวญี่ปุ่น
หน้าซูชิต่างๆ บอกได้คำเดียวว่าแพงมาก
กำไรน้อย 1 ชิ้นกำไรถึง 2 บาท
พอขายเหลือก็ต้องทานเอง
ไม่ก็ต้องเอาทิ้งเพราะของพวกนี้ไม่สามารถที่จะเก็บไว้ขายพรุ่งนี้ได้อีก คือต้องทำใหม่วันต่อวัน
และที่สำคัญขั้นตอนการทำเยอะมากและยุ่งยากมากๆ ไม่เหมือนหมูปิ้งนมสดแค่เรานึ่งข้าวเหนียว
ส่วนหมูปิ้งนมสดที่เราอัดแช่แข็งไว้ก่อนออกไปขายก็เอาออกมาละลายเพื่อจะได้จับและจัดให้ได้รูปที่สวยงามก่อนย่าง อุปกรณ์ก็มีไม่มาก ไม่ต้องใส่กล่องเหมือนซูชิ ไม่ต้องแม็ก
หรือไม่ต้องคาดย่าง ให้ยุ่งยากเลย เพียงใส่ถุงก็เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องมีวาซาบิ โชยุ
ให้วุ่นวายด้วยค่ะ
เงินหมุนในการทำซูชิหรือสั่งหน้าซูชิแต่ละที แสนจะแพง
และบางหน้าก็หายากมาก
ความละเอียดในการทำสูง
กว่าจะเสร็จได้วันละ 200 ชิ้นใช้เวลาไป
4-5 ช.ม. กำไรก็ได้น้อยหลังจากที่หักต้นทุน บอกเลยว่าทำซูชิขาดทุนค่ะเป็นแสนเลย เพราะเจอบางครั้งที่ฝนตก
ขายไม่ได้ทำให้ไม่สามารถเอาเก็บไว้เพื่อขายวันต่อไปได้อีกนอกจากแจกคนอื่นๆ และกินเอง
ไม่เหมือนหมูปิ้งนมสด
เราย่างกะจำนวนคนได้เหลือเราก็เอาไปแช่แข็งได้ค่ะไม่เสียเพราะหมูปิ้งนมสด อยู่ในตู้เย็นช่องฟิตได้นาน 2-3 สัปดาห์เลยค่ะ หรือถ้าเราย่างเหลือก็เก็บไว้ในตู้เย็นได้ เวลาขายก็เอามาอุ่นได้ค่ะแต่
หมูจะไม้เล็กกว่าเดิมและไม่น่ากินเท่ากับตอนย่างหมูปิ้งนมสดใหม่ๆนะค่ะ
นี้แค่ยกตัวอย่างคร่าวๆนะค่ะอุปกรณ์ในการทำซูชิเยอะจริงๆ กล่องเซรามิคพร้อมฝาปิดอัน 1 ราคา 600 บาทต้องมีอย่างน้อย 8 อัน ในการวางขาย กล่องแบบ 50 บาท ธรรมดาก็มีนะค่ะแต่ไม่สวยไม่น่าซื้อ ตู้แช่ก็ต้องเป็นตู้ที่แช่แข็งนะค่ะแล้วค่อยเอาหน้ามาละลายอีกทีแล้วถึงจะแต่งหน้าได้ เอาไว้ช่องธรรมดาไม่ได้ค่ะ เสียหมดเลยยิ่งเมืองไทยอากาศร้อนมาก เสียเร็วมากๆค่ะ ปลาซอลมอน 1 ซีก ตกไป 5-6 ร้อยบาท กว่าจะได้กำไรเอามานั่งแล่ แล้วเมื่อไหร่จะได้ทุนคืนละค่ะเพราะขายคำละ 5 บาท เอาเงินที่ซื้อ ปลาซอลมอน มาซื้อหมูปิ้งนมสดไปย่าง ได้ 1 แพ็ค แต่มีกำไร 350-400 ขึ้นไปเลยทีเดียว และใช้เวลาในการขายไม่นานด้วย แต่ซูชิหน้าปลาซอลมอนต้องคนที่ชอบทานจริงๆเท่านั้นถึงจะซื้อทาน และถ้าวันนั้นเหลือหน้าปลาซอลมอล คิดดูสิว่าเราจะได้อะไร กว่าจะได้กำไรแต่ละบาท ในการลงทุนขายซูชินี้ลำบากมากๆเลยค่ะ ต่างกับหมูปิ้งนมสดนมสดอย่างสิ้นเชิง นี้คือประสบการณ์ของดิฉันจริงๆที่ได้ทำธุรกิจตรงนี้มาก่อน ซูชิจะเจาะกลุ่มเฉพาะคนที่ชอบทานและทานได้จริงๆเพราะมีรสชาติที่คาวมาก ไม่เหมือนหมูปิ้งนมสดไม่ว่าเพศไหน ทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มคนสามารถทานได้หมดค่ะ รสชาติก็อร่อยมากๆด้วย หมูปิ้งนมสดย่างนุ่มๆ ทานกับข้าวเหนียวร้อน มันจะอร่อย สะดวกและง่ายขนาดไหน นี้แค่ตัวอย่างหน้าปลาซอลมอลอย่างเดียวหน้าเดียวของซูชินะค่ะ ยังมีหน้ายำสาหร่าย ไข่หวาน ไข่กุ้ง ทาโกะสามรส สลัดปูอัด สลัดทูน่า ฯลฯ ดูแค่ชื่อคงไม่ต้องให้บอกราคาเลยค่ะแต่ละถึงน้ำหนักแค่ 500 กรัม แต่ขายใจราคาไม่ตำกว่า 150 บาทแน่นอน แต่ละถุงได้กำไรน้อยมากๆค่ะไม่ถึง 100 บาทแล้วหน้าของซูชิเยอะมากค่ะมีเป็น 20 หน้า ไหนจะข้าวญี่ปุ่นที่ยุ่งยากต้องล้างจนขาวไม่งั้นหุงออกมาจะไม่สวย ไหนจะน้ำสมปรุงรสอีก อันนี้ก็มีสูตรในการทำอีกนะค่ะ อุปกรณ์และวัตถุดิบเยอะมากจริงๆค่ะ ปั้นแต่ละชิ้นกว่าจะได้ กว่าจะพันสาหร่าย และขอบอกว่าสาหร่ายห่อข้าวญี่ปุ่นแพงมากๆค่ะ เขาไปดูในแม็คโครได้ ไม่ต่ำกว่า 250 บาท นี้แค่ 50 แผ่นนะค่ะ วาซาบิ โชยุนี้คงไม่ต้องพูดถึงแพงมากๆ ถ้าแบบไม่แพงก็ไม่อร่อยเสียลูกค้าอีกค่ะ แค่นี้ก็รู้ถึงความแตกต่างและผลที่ได้รับแล้ว นี้ยังไม่พูดถึงเวลาล้างอุปกรณ์หลังจากกลับมาจากขายนะค่ะเยอะมาก กว่าจะได้พักเหนื่อยสุดๆ แต่หมูปิ้งเราไม่ต้องทำไรเลย สบายมากๆ อย่างมากก็ล้างแค่ถาดที่ใส่หมูตอนขายแล้วก็ทำความสะหวดกับทัพพีที่ใช้ตักข้าวเหนียว และก็กลับมาจากขายของก็แค่ข้าวเหนียวไว้ ค่ะ

นี้แค่ยกตัวอย่างคร่าวๆนะค่ะอุปกรณ์ในการทำซูชิเยอะจริงๆ กล่องเซรามิคพร้อมฝาปิดอัน 1 ราคา 600 บาทต้องมีอย่างน้อย 8 อัน ในการวางขาย กล่องแบบ 50 บาท ธรรมดาก็มีนะค่ะแต่ไม่สวยไม่น่าซื้อ ตู้แช่ก็ต้องเป็นตู้ที่แช่แข็งนะค่ะแล้วค่อยเอาหน้ามาละลายอีกทีแล้วถึงจะแต่งหน้าได้ เอาไว้ช่องธรรมดาไม่ได้ค่ะ เสียหมดเลยยิ่งเมืองไทยอากาศร้อนมาก เสียเร็วมากๆค่ะ ปลาซอลมอน 1 ซีก ตกไป 5-6 ร้อยบาท กว่าจะได้กำไรเอามานั่งแล่ แล้วเมื่อไหร่จะได้ทุนคืนละค่ะเพราะขายคำละ 5 บาท เอาเงินที่ซื้อ ปลาซอลมอน มาซื้อหมูปิ้งนมสดไปย่าง ได้ 1 แพ็ค แต่มีกำไร 350-400 ขึ้นไปเลยทีเดียว และใช้เวลาในการขายไม่นานด้วย แต่ซูชิหน้าปลาซอลมอนต้องคนที่ชอบทานจริงๆเท่านั้นถึงจะซื้อทาน และถ้าวันนั้นเหลือหน้าปลาซอลมอล คิดดูสิว่าเราจะได้อะไร กว่าจะได้กำไรแต่ละบาท ในการลงทุนขายซูชินี้ลำบากมากๆเลยค่ะ ต่างกับหมูปิ้งนมสดนมสดอย่างสิ้นเชิง นี้คือประสบการณ์ของดิฉันจริงๆที่ได้ทำธุรกิจตรงนี้มาก่อน ซูชิจะเจาะกลุ่มเฉพาะคนที่ชอบทานและทานได้จริงๆเพราะมีรสชาติที่คาวมาก ไม่เหมือนหมูปิ้งนมสดไม่ว่าเพศไหน ทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มคนสามารถทานได้หมดค่ะ รสชาติก็อร่อยมากๆด้วย หมูปิ้งนมสดย่างนุ่มๆ ทานกับข้าวเหนียวร้อน มันจะอร่อย สะดวกและง่ายขนาดไหน นี้แค่ตัวอย่างหน้าปลาซอลมอลอย่างเดียวหน้าเดียวของซูชินะค่ะ ยังมีหน้ายำสาหร่าย ไข่หวาน ไข่กุ้ง ทาโกะสามรส สลัดปูอัด สลัดทูน่า ฯลฯ ดูแค่ชื่อคงไม่ต้องให้บอกราคาเลยค่ะแต่ละถึงน้ำหนักแค่ 500 กรัม แต่ขายใจราคาไม่ตำกว่า 150 บาทแน่นอน แต่ละถุงได้กำไรน้อยมากๆค่ะไม่ถึง 100 บาทแล้วหน้าของซูชิเยอะมากค่ะมีเป็น 20 หน้า ไหนจะข้าวญี่ปุ่นที่ยุ่งยากต้องล้างจนขาวไม่งั้นหุงออกมาจะไม่สวย ไหนจะน้ำสมปรุงรสอีก อันนี้ก็มีสูตรในการทำอีกนะค่ะ อุปกรณ์และวัตถุดิบเยอะมากจริงๆค่ะ ปั้นแต่ละชิ้นกว่าจะได้ กว่าจะพันสาหร่าย และขอบอกว่าสาหร่ายห่อข้าวญี่ปุ่นแพงมากๆค่ะ เขาไปดูในแม็คโครได้ ไม่ต่ำกว่า 250 บาท นี้แค่ 50 แผ่นนะค่ะ วาซาบิ โชยุนี้คงไม่ต้องพูดถึงแพงมากๆ ถ้าแบบไม่แพงก็ไม่อร่อยเสียลูกค้าอีกค่ะ แค่นี้ก็รู้ถึงความแตกต่างและผลที่ได้รับแล้ว นี้ยังไม่พูดถึงเวลาล้างอุปกรณ์หลังจากกลับมาจากขายนะค่ะเยอะมาก กว่าจะได้พักเหนื่อยสุดๆ แต่หมูปิ้งเราไม่ต้องทำไรเลย สบายมากๆ อย่างมากก็ล้างแค่ถาดที่ใส่หมูตอนขายแล้วก็ทำความสะหวดกับทัพพีที่ใช้ตักข้าวเหนียว และก็กลับมาจากขายของก็แค่ข้าวเหนียวไว้ ค่ะ
0 ผู้สนใจอยากทำธุรกิจกับต้นหมูปิ้งนมสด:
แสดงความคิดเห็น